กรอบความคิดระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ความสำคัญและความจำเป็นของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
การพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
สติปัญญา ความสามารถ มีคุณธรรม
จริยธรรม
และวิถีชีวิตที่เป็นสุขตามที่สังคมมุ่งหวัง โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษานั้น นอกจากจะดำเนินการด้วยการส่งเสริม สนับสนุนนักเรียนแล้ว การป้องกันและการช่วยเหลือปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับนักเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของการพัฒนาเนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทั้งด้านการสื่อสาร เทคโนโลยีต่างๆซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้คนในเชิงบวกแล้ว ในเชิงลบก็ปรากฏเช่นกัน เป็นต้นว่าปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการระบาดของสารเสพติด ปัญหาการแข่งขันในรูปแบบต่างๆ
ปัญหาครอบครัวซึ่งก่อเกิดความทุกข์
ความวิตกกังวล ความเครียด การปรับตัวที่ไม่เหมาะสม หรืออื่นๆ ที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพจิตและสภาพกายของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น
ภาพความสำเร็จที่เกิดจากการพัฒนานักเรียนให้เป็นไปตามความมุ่งหวังนั้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกคน โดยเฉพาะบุคลากรครูทุกคนในโรงเรียน ซึ่งมีครูที่ปรึกษาเป็นหลักสำคัญในการดำเนินการต่างๆเพื่อการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างใกล้ชิดด้วยความรักและเมตตาที่มีต่อศิษย์
และภาคภูมิใจในบทบาทที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้เติบโตงอกงาม เป็นบุคลที่คุณค่าของสังคมต่อไป
บทบาทของครูที่กล่าวมานั้นคงมิใช่เรื่องใหม่ เพราะมีการปฏิบัติกันอย่างสม่ำเสมอและได้ดำเนินการมานานแล้วนับตั้งแต่อดีตจนได้รับยกย่องให้เป็นปูชนียบุคคล แต่เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
โดยเฉพาะการทำงานอย่างมีระบบที่มีกระบวนการทำงาน มีหลักฐานการปฏิบัติงาน มีเทคนิควิธีการ หรือการใช้เครื่องมือต่างๆเพื่อการดูแลช่วยเหลือนักเรียนแล้ว ความสำเร็จของงานย่อมเกิดขึ้นอย่ารวดเร็ว มีประสิทธิภาพ
ผลดีย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียน
ผู้ปกครอง ชุมชน หรือสังคม
นอกจากนี้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พุทธศักราช 2542
ได้กำหนดความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ
สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม
มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถร่วนอยู่กับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (มาตรา 6 )
และแนวการจัดการศึกษายังได้ให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนโดยยึดหลักว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุดต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ (มาตรา 22)
ในการจัดการศึกษาต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม
กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสม
ของแต่ละระดับการศึกษาซึ่งเรื่องหนึ่งที่กำหนดให้ดำเนินการ คือเรื่อง
ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข (มาตรา 23 ข้อ (5))
ทั้งนี้การจัดกระบวนการเรียนให้คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ให้ผู้เรียนรู้จักประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา ให้รู้จักคิดเป็น ทำเป็น
รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม
ค่านิยมที่ดีงาม
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชาอีกทั้งมีการประสานความร่วมมือกับบิดา มารดา
ผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย
เพื่อร่วมมือกันพัฒนาผู้เรียน
ตามศักยภาพ
ในการปฏิรูปวิชาชีพครู
ซึ่งเป็นการพัฒนาครูให้เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถคุณลักษณะที่มีคุณภาพ และมาตรฐานวิชาชีพ ตามการประกันคุณภาพการศึกษา กรมสามัญศึกษา
กรมสามัญศึกษาด้านปัจจัย คือ ครู
ที่ระบุในมาตราที่ 2 ครูมีคุณธรรม จริยธรรม
คุณลักษณะที่พึงประสงค์
โดยมีตัวชี้วัดที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ของครูในการพัฒนานักเรียน คือ
การมีความรัก
เอื้ออาทรเอาใจใส่
ดูแลนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ
การมีมนุษยสัมพันธ์และสุขภาพจิตที่ดี
พร้อมที่จะแนะนำและร่วมกันแก้ปัญหาของนักเรียน แสดงให้เห็นว่า ครู
ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นครูมืออาชีพ
คือ นอกจากจะทำหน้าที่ครูผู้มีความรู้
ความสามารถในการจัดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนแล้วยังต้องทำหน้าที่อื่นๆ
ที่เป็นการสนับสนุนหรือพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพ
ทั้งดี เก่ง มีสุข
ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานด้านผลผลิต
คือนักเรียนในการประกันคุณภาพการศึกษา
กรมสามัญศึกษา มาตรฐานที่ 4 ที่มุ่งให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม
และค่านิยมที่พึงประสงค์
มาตรฐานที่ 5 มีสุนทรียภาพและลักษณะด้านศิลปะ ดนตรี
กีฬา มาตรฐานที่ 6
รู้จักตนเอง พึ่งตนองได้ และมีบุคลิกภาพที่ดี มาตรฐานที่ 7
มีสุขนิสัย
สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
ปลอดจากสิ่งเสพติดให้โทษ
ซึ่งการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจะเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง
ที่ช่วยเหลือให้นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานดังกล่าวได้ โดยผ่านกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ
ซึ่งมีความสอดคล้องกับมาตรฐานด้านกระบวนการของการประกันคุณภาพด้านการศึกษา กรมสามัญศึกษา
มาตรฐานที่ 1 ที่ให้โรงเรียนมีการบริหารและการจัดการอย่างเป็นระบบ มาตรฐานที่ 4
มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
โดยเน้นผู้เยนเป็นศูนย์กลาง
มาตรฐานที่ 7 ส่งเสริมความสัมพันธ์
และความร่วมมือระหว่างโรงเรียนผู้ปกครอง
ชุมชน
องค์กรภาครัฐและเอกชนในการจัดและพัฒนาการศึกษา ดังนั้น
ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจึงเป็นระบบที่สามารถดำเนินการเพื่อรับการประกันคุณภาพได้ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านปัจจัย ด้านผลผลิตและด้านกระบวนการ
กรมสามัญศึกษาตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าวจึงจัดทำระบบการช่วยเหลือนักเรียนเพื่อให้มีกระบวนการทำงานเป็นระบบ มีความชัดเจน
มีการประสานความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน รวมทั้งวิธีการ กิจกรรมและเครื่องมือต่างๆ
ที่มีคุณภาพในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอันจะส่งผลให้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนประสบความสำเร็จโดยมีแนวคิดหลักในการดำเนินงาน ดังนี้
1.
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต เพียงแต่ใช้เวลาและวิธีการที่ต่างกัน เนื่องจากแต่ละคนมีความเป็นปัจเจกบุคคล ดังนั้น
การยึดนักเรียนเป็นสำคัญในการพัฒนา
เพื่อดูแลช่วยเหลือ
ทั้งด้านการป้องกัน แก้ไขปัญหา หรือการส่งเสริมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
2.
ความสำเร็จของงาน
ต้องอาศัยการมีส่วนร่วม
ทั้งการร่วมใจ ร่วมคิด ร่วมทำของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรโรงเรียนในทุกระดับ ผู้ปกครอง
หรือชุมชน
วัตถุประสงค์ของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
1.
เพื่อให้การดำเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน เป็นไปอย่างระบบและมีประสิทธิภาพ
2. เพื่อให้โรงเรียน ผู้ปกครอง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือชุมชน มีการทำงานร่วมกันโดยผ่านกระบวนการทำงานที่มีระบบ พร้อมด้วย
เอกสาร หลักฐานการปฏิบัติงาน สามารถตรวจสอบหรือรับการประเมินได้
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.
นักเรียนได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและตรงตามสภาพปัญหา
2.
สัมพันธภาพระหว่างครูกับนักเรียนเป็นไปด้วยดี
และอบอุ่น
3. นักเรียนรู้จักตนเองและควบคุมตนเองได้
4.
นักเรียนมีการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
5.
นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของการดำเนินงานตามระบบการช่วยเหลือนักเรียน
1.
ผู้บริหารโรงเรียน
รวมทั้งผู้ช่วยบริหารโรงเรียนทุกฝ่าย
ตระหนักถึงความสำคัญของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และให้การสนับสนุนการดำเนินงาน หรือร่วมกิจกรรมตามความเหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
2.
ครูทุกคนและผู้เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีความตระหนัก
ในความสำคัญของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีทัศนคติที่ดีต่อนักเรียน และมีความสุขที่จะพัฒนานักเรียนในทุกด้าน
3.
คณะกรรมกาหรือคณะทำงานทุกคณะ
ต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดและมีการประชุมในแต่ละคณะ อย่างสม่ำเสมอตามที่กำหนด
4.
ครูที่ปรึกษาเป็นบุคลากรหลักสำคัญในการดำเนินงาน
โดยได้รับความร่วมมือจากครูทุกคนในโรงเรียน รวมทั้งการสนับสนุนในเรื่องต่างๆ จากโรงเรียน
5.
การอบรมให้ความรู้และทักษะ
รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูล
ความรู้แก่ครูที่ปรึกษาหรือผู้เกี่ยวข้องในเรื่องที่เอื้อประโยชน์ต่อกรดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นสิ่งจำเป็น
โดยเฉพาะเรื่องทักษะการปรึกษาเบื้องต้นและแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆของนักเรียน
ซึ่งโรงเรียนควรดำเนินการอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น